วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รูปแบบการคำนวณด้วย Excel




          เราสามารถใช้โปรแกรม Excel สร้างตารางคำนวณได้หลายรูปแบบ  ตัวที่จะช่วยเราคงหนีไม่พ้นการนำสูตรและฟังก์ชันมาใช้  ดังนั้นเราควรรู้ความสามารถในการคำนวณของ Excel  สามารถทำอะไรได้บ้าง  เกี่ยวกับการคำนวณอัตโนมัติ  การสร้างสูตร  การใช้ฟังก์ชัน  หรือการแก้ปัญหา่ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดในการเขียนสูตร ซึ่งถ้าเราเข้าใจหลักการต่าง ๆ แล้ว  Excel  จะช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น และการใช้สูตรไม่ยากอีกต่อไป
การคำนวณอัตโนมัติ
          บางขณะที่เราป้อนตัวเลขในตาราง  เราอาจจำป็นที่จะต้องตรวจสอบตัวเลขหรือดูผลลัพธ์ว่าถูกต้องหรือไม่โดยไม่ต้องการให้แสดงผลลัพธ์ในตารางนั้น ๆ เราสามารถใช้่การคำนวณอัตโนมัติ  ซึ่งจะทำให้สามารถทราบผลลัพธ์ได้ทันที  โดยที่ไม่ต้องป้อนสูตรหรือฟังก์ชันใด ๆ ด้วยการดูผลลัพธ์ที่ Status Bar (แถบสถานะ) ซึ่งมีวิธีการใช้ดังนี้
1.
คลิกเลือกคำสั่ง มุมมอง  ในเมนู แถบสถานะ
2.
จะปรากฏ แถบสถานะ ด้านล่างของหน้าจอ
3.
คลิกขวาที่ แถบสถานะ  จะปรากฎกล่องแสดงคำสั่ง
4.
เลือกคำสั่งที่ต้องการ (ในที่นี่เลือกคำสั่ง ผลรวม)
5.
แดรกเมาส์เลือกช่วงเซลล์ที่ต้องการให้คำนวณ
6.
จะปรากฏผลลัพธ์ที่ แถบสถานะ


           จากวิธีการดังกล่าวจะเห็นว่าเราสามารถเปลี่ยนคำสั่งในการคำนวณได้ตามที่ต้องการดังรูป
การคำนวณโดยใช้สูตร
          การใช้สูตรเป็นวิธีที่ใช้ในการคำนวณที่นิยมมากที่สุด  เพราะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และสูตรบางอย่างยังสามารถช่วยคำนวณข้อมูลตัวเลขที่ซับซ้อนได้อีก  แต่ละสูตรมีรูปแบบการใช้ที่แตกต่างกันออกไป
การใช้งานสูตรรูปแบบปกติ (Formula)
          สูตรรูปแบบปกติจะเป็นสูตรที่เป็นสมการที่ใช้ดำเนินการกับข้อมูลในชีทด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์  เช่นเครื่องหมายบวก ลบ คูณ หาร การอ้างอิงเซลล์อื่น  หรือสูตรที่ใช้รวมข้อความ  เป็นต้น
ตัวอย่าง
=5-1
=9*8
=B5-A7

การใช้งานสูตรแบบฟังก์ชัน (Function)
          เราสามารถใช้สูตรแบบฟังก์ชันช่วยคำนวณข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมดีปริมาณมากได้  ซึ่งฟังก์ชันใน Excel  เป็นสูตรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและถูกสร้างให้เหมาะกับงานเฉพาะอย่าง 
ตัวอย่าง
=SUM(B1:B9)
=AVERAGE(A9:A20)
=COUNT(A1:A5)
การใช้งานสูตรแบบอาร์เรย์ (Array)
          การใช้สูตรแบบอาร์เรย์สามารถทำหลาย ๆ การคำนวณให้คืนค่าเป็นผลลัพธ์เดียวหรือหลายผลลัพธ์ โดยสูตรอาร์เรย์ตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไป
ตัวอย่าง
{=SUM((B1:B9)/(A1:A5))}
          สูตรแบบต่าง ๆ จะมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป ซึ่งการสร้างสูตรนั้น  เราจะต้องทราบหลักการทำงานของเครื่องหมายและสัญลักษณ์ในสูตร รวมถึงลำดับการคำนวณ  เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการแสดงผลลัพธ์ทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น